โดยหลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง
คำว่าโป๊ยเซียน เซียนนี่เขาแปลว่าผู้วิเศษ โป๊ยแปลว่าแปด โป๊ยเซียนนี่แปลว่าผู้วิเศษแปดท่าน ได้แก่ พระอรหันต์แปดทิศ อาศัยที่พระต้องยืนกันเขต หรือยืนรักษาเขต ชี้เขต ๘ องค์ ยืนอยู่ใน ๘ ทิศ ประกาศเขตให้พระสงฆ์ทำสังฆกรรม ที่เวลานี้ที่เราเรียกกันว่า อุโบสถ
หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)
ในสมัยเมื่อองค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้น และพระพุทธศาสนาได้แผ่ขยายเข้าไปในประเทศจีน ความจริงประเพณีเดิมเขาก็มีอยู่ ศาสนาขององค์สมเด็จพระบรมครูเข้าไปภายหลัง
เราจะเห็นได้ว่าชาวจีนมักจะนิยมบูชารูป พระมหากัจจายนะ ชาวจีนจะเรียกท่านว่า พระสังกัจจายน์ เขาถือว่าเป็นพระที่มีลาภสักการะ ถ้าบูชาท่านจะมีความร่ำรวย
สิ่งของวัตถุของชาวจีนที่ปั้นขึ้นเป็นภาชนะ มักจะมีรูป โป๊ยเซียน
คำว่า โป๊ยเซียน เซียน นี่เขาแปลว่า ผู้วิเศษ โป๊ย แปลว่า แปด โป๊ยเซียน นี่แปลว่า ผู้วิเศษแปดท่าน ได้แก่ พระอรหันต์แปดทิศ
ฉะนั้น ในสมัยเมื่อองค์สมเด็จพระธรรมสามิสบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังทรงพระชนม์อยู่ เมื่อพระสาวกองค์ใด ได้สดับพระธรรมเทศนาขององค์สมเด็จพระบรมครู เป็นอรหันต์แล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้ว ก็ส่งไปประกาศพระศาสนาในทิศต่างๆ
ในตอนนั้นยังมีพระน้อยอยู่ สมเด็จพระบรมครูก็ทรงแนะนำว่า จงช่วยกันไปสอนคนละทิศคนละทาง แต่ทิศหนึ่งอย่าไปพร้อมกัน ๒ องค์ ให้แยกกันไป ภายหลังเมื่อพระสาวกขององค์สมเด็จพระจอมไตรมีมาก ก็ย่อมไปอยู่ในแดนละหลายๆ องค์ได้
ในแดนที่จะพึงทราบมา เท่าที่สังเกตได้ แดนภาคเหนือของไทย ตั้งแต่จังหวัดลำปาง ลำพูน เชียงใหม่นี่ ทราบว่าเป็นแดนของพระโมคคัลลานะ เลยเชียงใหม่ขึ้นไปในเขตเชียงรายหรือเชียงตุง เป็นแดนของพระมหากัสสป
เข้าไปในเขตประเทศจีน เป็นแดนของพระมหากัจจายนะ ฉะนั้น สัญลักษณ์แห่งการบูชาพระของชาวจีน จึงมีรูปของ พระมหากัจจายนะ หรือ พระสังกัจจายน์ มาก
และที่ชาวจีนมีรูป โป๊ยเซียน คือ อรหันต์ ๘ ทิศ นี่ก็หมายความว่า ในสมัยที่องค์สมเด็จพระธรรมสามิสร ประกาศเขต ให้พระสงฆ์ทำสังฆกรรม ที่เวลานี้ที่เราเรียกกันว่า อุโบสถ คำว่า อุโบสถ หรือ ที่ทำสังฆกรรม ก็หมายถึงว่า เป็นที่ประชุมสงฆ์ ปรึกษาหารือกัน หรือ ประกาศผลบางเหตุบางประการ
อย่างนี้องค์สมเด็จพระพิชิตมารทรงกระทำขึ้น ให้พระอรหันต์ ๘ องค์ ไปยืนอยู่ใน ๘ ทิศ แล้วองค์สมเด็จพระธรรมสามิสรก็ถามว่า ที่นั่นใครยืนอยู่ พระที่ยืนอยู่ก็ตอบแก่องค์สมเด็จพระบรมครูตามชื่อของท่าน เช่น พระสารีบุตรยืนอยู่ ท่านก็ตอบว่า นี่สารีบุตรพระเจ้าข้า
สมเด็จพระบรมศาสดาก็ถามว่า ตรงนั้นมีอะไรเป็นนิมิต เป็นเครื่องหมาย เป็นเครื่องกั้นเขต พระที่ยืนอยู่ก็ตอบองค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ว่า มีหิน หรือ ต้นไม้ เป็นต้น
เป็นอันว่า อาศัยที่องค์สมเด็จพระทศพลแนะนำบรรดาพระภิกษุสงฆ์ว่าที่ควรจะทำสังฆกรรม คำว่าสังฆกรรม นี่คือ กิจที่สงฆ์พึงจะร่วมกันทำ ก็ให้ตั้งเขตประเภทนี้ไว้ และก็ห้ามบุคคลอื่นใดเข้าไปยุ่งในเขตนั้นเวลาที่พระสงฆ์ประชุมกัน จึงเรียกว่า แดนสังฆกรรม เวลานี้ เรียกว่า แดนอุโบสถ และฝังลูกนิมิต คำว่า นิมิต นี่ก็แปลว่า เครื่องหมายเป็นการกั้นเขต
การที่องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ทำครั้งแรกแบบนี้ ต่อไปบรรดาพระสงฆ์ทั้งหลาย ที่อยู่แยกกันไปในแดนไกล ก็พากันตั้งเขตเช่นเดียวกับองค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ที่ตั้งไว้ เป็นที่ประชุมสงฆ์
ฉะนั้น อาศัยที่พระต้องยืนกันเขต หรือยืนรักษาเขต ชี้เขต ๘ องค์ บรรดาชาวจีนจึงเรียกว่า โป๊ยเซียน แปลว่า ผู้วิเศษ ๘ ท่าน เพราะว่า สมัยนั้นที่พระพุทธเจ้ากระทำ ก็มี พระโมคคัลลา พระสารีบุตร พระอนุรุธ พระมหากัจจายนะ พระอานนท์ เป็นต้น เป็นพระอรหันต์ที่มีความสำคัญทั้งหมด
สรุปท้ายเรื่อง
ถ้าท่านอ่านด้วยความตั้งใจและพิจารณาให้ดี จะเห็นว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านกล่าวไว้ชัดเจนว่า ประเทศจีน ความจริงประเพณีเดิมเขามีอยู่ ก็คือลัทธิเต๋า เขาจะนับถือเซียน ก็คือ โป๊ยเซียนของเต๋า
เมื่อพระพุทธศาสนาเข้าไปภายหลัง โดยพระมหากัจจายนะ หรือที่คนจีน เรียกท่านว่า พระสังกัจจายน์ ไปเผยแพร่พระศาสนา
คนจีนที่นับถือศาสนาพุทธเขานับถือท่านมาก เวลามีการทำสังฆกรรมก็ต้องมีการยืนเขตโดยพระอรหันต์ ๘ องค์ ตามที่พระพุทธเจ้าทรงกระทำไว้เป็นต้นแบบ
หลวงพ่อได้กล่าวว่าบรรดาชาวจีนที่นับถือพระพุทธศาสนา จึงได้เรียกพระที่ยืนเขตทั้ง ๘ องค์ นั้นว่าโป๊ยเซียน
ซึ่งคำว่าโป๊ยเซียน เป็นคำที่ชาวจีนดั้งเดิมเขานับถือว่าเป็นผู้วิเศษของลัทธิเต๋า เขาเคารพเป็นผู้วิเศษ เมื่อเขามานับถือพระพุทธศาสนา เขาก็บูชาพระอรหันต์ เป็นดังเซียนผู้วิเศษ เขาจึงเรียกพระที่ยืนเขต ๘ องค์ว่าโป๊ยเซียน
สาธุ ..