ดวงจิตจริงมีดวงเดียว

ดวงจิตจริงมีดวงเดียว
หลวงพ่อพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)

ผู้ถาม:- “ล่อจิตตั้ง ๑๒๗ ดวง ๘๒ ดวง”

หลวงพ่อ:- “ใช่…ฉันก็เคยเล่นมาก่อนเหมือนกัน”

ผู้ถาม:- “หลวงพ่อน่ะหรือครับ”

หลวงพ่อ:- “อ้าว…ถ้าไม่โง่เสียก่อนจะรู้เรื่องได้ยังไง”

ผู้ถาม:- “นึกว่าแจ่มแจ๋ว…ตั้งแต่เล็กจนโต”

หลวงพ่อ:- “แจ๋วมาก! ตอนนั้นแจ๋วมากจำได้ทุกดวง… (หัวเราะ) แต่ว่าพอไปเทศน์เข้าจริง ๆ เหลือ ดวงเดียว”

ผู้ถาม:- “ตอนนี้พระที่เทศน์ด้วยกัน ไม่ค้านหูดับตับไหม้เลยหรือครับ ?”

หลวงพ่อ:- “ใครจะค้านใคร เขาก็ค้านแค่ ๓ ธรรมาสน์นี่น่ะ ทีแรก ๒ องค์ก็ล่อจิตกี่ดวง ตอบ ๘๐ ดวงบ้าง ๑๒๐ ดวงบ้างน่ะ ล่อกันอีรุงตุงนัง ฉันก็ล่อกินหมาก บุหรี่ไม่สูบ เป่ายานัตถุ์บ้าง อะไรใช่ไหม.. นั่งหลับตาเสียบ้าง เดี๋ยวเขาหันมาว่า ไงธรรมาสน์โน้น ถามอะไร แกเทศน์อะไรกันนี่ ถามทำไม บอกข้ากินหมากบ้าง เป่ายานัตถุ์บ้าง…เพลินไป

เขาถามว่า จิตมีกี่ดวง บอก เอ๊ะ! ของข้ามันมีดวงเดียวนี่นะ พ่อให้มาดวงเดียว เขาบอกผิดตำรา ถามตำราของแกมีกี่ดวง เขาบอกอย่างย่อมัน ๘๐ อย่างพิสดารมี ๑๒๐ กว่าใช่ไหม…ถามมันติดตรงไหนบ้างล่ะ ติดตั้งแต่ฝ่าส้นตีนขึ้นไปถึงหัวแกใช่ไหม ยังไม่หมดเลย…” (หัวเราะ)

“พระพุทธเจ้าตรัสว่า “เอกะจะรัง จิตตัง…จิตดวงเดียวเที่ยวไป” ไอ้ที่บอกเป็นหลายดวง คืออารมณ์เข้ามาสิงจิตอยู่ใช่ไหม.. อย่างจิตมีความโกรธ จิตมีความโลภ จิตมีความหลง ใช่ไหม.. จิตมีความรัก อารมณ์ของจิตก็ต่างกันไป นั่นมันเป็นอารมณ์ไม่ใช่ดวงจิต ดวงจิตจริงมันดวงเดียว”

ผู้ถาม:- “ไอ้ที่มาเกิดก็มาดวงเดียว ตายแล้วก็ไปดวงเดียว”

หลวงพ่อ:- “ใช่…ไอ้พวกนั้นมันหลายดวง มันต้องเกิดหลายอย่าง เกิดเป็นคนบ้าง เกิดเป็นหมาบ้าง เกิดเป็นนกบ้าง อะไรบ้าง ความจริงพระฎีกาจารย์น่ะ ท่านอธิบายไว้เพื่อความเข้าใจง่าย ทีนี้ไอ้คนเบื้องหลังไม่เข้าใจตามท่าน

ความจริงจิตน่ะ มันดวงเดียว เหมือนน้ำใส ๆ ใส่แก้วใช่ไหม.. ถ้าสีแดงใส่เข้าไป ไอ้น้ำนั่นน่ะออกเป็นสีแดง ถ้าสีเขียวใส่ไปน้ำก็เป็นสีเขียว ไอ้นั่นน้ำเปลี่ยนสีไปเพราะใส่สีเข้าไป จริง ๆ แล้ว น้ำมันใส แก้วมันใส

และที่เราทำเวลานี้ เราทำเพื่อให้จิตใสตามเดิม ถ้าจิตใสตามเดิมก็ไปนิพพานได้ เมื่อก่อนนี้มันใสเหมือนกัน แต่มันใสไม่มีประกายพรึก จึงต้องเวียนว่ายตายเกิดใช่ไหม…กระทั่งใสด้วยเป็นประกายพรึกด้วย อย่างดวงจิตคนนี่นะ อะไร….เจโตปริยญาณ ญาณตัวนี้ดูง่าย คนกี่พันคนก็ตามดู แป๊บเดียวจะรู้ทันที”

ผู้ถาม:- “แค่เห็นแป๊บเดียวหรือครับ”

หลวงพ่อ:- “เป็นหมื่นนะ นึกอยากจะรู้ รู้ใครจิตสีอะไร จิตจริง ๆ เขานับเป็น ๖ สี แต่ย่อแล้วเป็น ๓ สี สีแดงเข้มหรือสีแดงอ่อน ได้ทั้งสองใช่ไหม…สีดำ ดำปี๋หรือดำอ่อน ๆ มัว ๆ…สีขาวจัด หรือขาวมัว ๆ มันไม่เหมือนกัน เอาแค่นี้แค่ ๓ สีพอ

ถ้าสีแดงเป็นจิตที่มีอารมณ์แจ่มใส ดีใจเพราะได้ของที่ชอบใจน่ะ ถ้าจิตสีดำมีทุกข์ จิตสีขาวจิตสบาย ถ้าจิตสีใสเป็นจิตของฌาน ๔ ถ้าจิตเป็นประกายพรึกเป็นจิตของพระอรหันต์”

ผู้ถาม:- “ทีนี้เลยถามต่อไปเลยว่า ถ้าเป็นพระโสดาบัน อทิสสมานกายแต่งตัวยังไง โสดา สกิทา อนาคา อรหันต์ แตกต่างกันไหมครับ”

หลวงพ่อ:- “แตกต่างกัน…ไม่ต้องพระโสดาหรอก แค่คนที่จะตายเป็นเทวดานี่ ข้างในมันเป็นเทวดาก่อน ไม่ต้องดูเฉพาะจิตนะ ดูเฉพาะตัวข้างในนี่ เรียก “อทิสสมานกาย” นะ มันจะบอกเลย รูปร่างลักษณะเป็นอย่างนั้น อย่างจะเป็นสัตว์นรก ก็เห็นเลยเป็นสัตว์นรก มีสภาพอะไรบ้างรู้เลย…เรื่องเล็ก ๆ”

ผู้ถาม:- “อ๋อ…นี่ไม่ใช่ใหญ่เลยหรือครับนี่”

หลวงพ่อ:- “เล็ก…มันเล็กมากหยิบไม่ค่อยถูก หยิบไม่ติดมือ…” (หัวเราะ)

ผู้ถาม:- “อย่างนี้ถ้าหากว่าได้เจโตปริยญาณนี่ มองคนปุ๊บ! จะรู้ทันทีเลยหรือครับ”

หลวงพ่อ:- “คือว่าความจริงไม่ต้องมองคนหรอก แค่รู้ชื่อต้องการจะรู้เท่านั้นใช้ได้”

ผู้ถาม:- “ไม่เคยเห็นหน้าเลยหรือครับ”

หลวงพ่อ:- “ไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้จักกัน ไม่จำเป็น!”

ผู้ถาม:- “แล้วมีอีกอย่างหนึ่งครับ เกี่ยวกับการสอนเรื่องนรกสวรรค์นี่…”

หลวงพ่อ:- “ความจริงในพระไตรปิฎกท่านก็ยืนยัน เรื่องนรกสวรรค์นี่มีจริง เรื่องนรกยืนยันตั้งแต่เล่ม ๑”

ผู้ถาม:- “ที่เป็นมหาเปรียญได้ ก็ต้องผ่านแปลมาก่อน ก็ต้อง…”

หลวงพ่อ:- “ไอ้นั่นแปลผ่านมาแล้วทั้งนั้น กลับมาเป็นมิจฉาทิฏฐิร้ายกาจมาก ก็เป็นเรื่องแปลก เรียนผ่านแล้ว แล้วเวลาไปเทศน์โปรดเขา แต่ว่าตัวเองไม่ทำ ไอ้นั่นยังดีกว่าไปคัดค้านพระไตรปิฎก…นี่หนักมาก”

ผู้ถาม:- “และโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บอกว่าไม่ดี แล้วยังสอนคนไม่ให้เชื่อ ทำลายล้างพระพุทธศาสนา”

หลวงพ่อ:- “ไอ้ที่พูดแบบนั้นเห็นแก่แบ็งค์อย่างเดียว เห็นแค่ค่าจ้าง”

ผู้ถาม:-     “ต้องมีอะไรอยู่นะครับ”

หลวงพ่อ:- “ใช่ ๆ ๆ”

ผู้ถาม:- “ผมนึกว่าพวกมิจฉาทิฏฐินี่ ท่านปู่พระยายมน่าจะส่งลูกน้อง เอากระบอกเล็ก ๆ มาอบรมสั่งสอนสัก…โป๊ก ๆ ๆ จะได้รู้เสียที”

หลวงพ่อ:- “ไม่เป็นไรหรอก ท่านมีเตาอุ่นให้แล้ว ไปอยู่นาน ๆ”

ผู้ถาม:- “ผมมานึกถึง เอ๊ะ! ทำไมเด็ก ๕-๙ ขวบไปกันคล่อง เที่ยวสนุกสนานเพลิดเพลิน ที่วัดอะไรที่ฝั่งธนบุรี เป็นมหา…ประโยคนี่ ไม่เชื่อและก็ปฏิเสธ พอสุดท้ายก็เจอเด็กดีวัดท่าซุง ลูกศิษย์วัดท่าซุง อายุประมาณ ๙ ขวบ เด็กได้มโนมยิทธิ ก็มีข้อแม้กันนะครับ ถ้าเด็กตอบได้ตอบถูกต้องตามความเป็นจริง พระตั้งแต่นี้เป็นต้นไปต้องเจริญกรรมฐานทุกวัน เขาต่อรองกันยังงั้นเลยนะครับ

พระก็ถามว่า ไอ้หนู! ไอ้ที่ว่านรก สวรรค์ พรหม มีจริงไหม มีจริงมีอะไรเป็นข้อพิสูจน์ เด็กก็บอกว่า เอายังงี้ซิครับ…หลวงอา ดื่มน้ำร้อนไม่ต้องเป่า ซดโป้งไปมันร้อนหรือเย็น มหานั่นบอกก็ร้อนซิ

เด็กก็บอกว่า นรกนั่นมันร้อนกว่านั่นหลายแสนเท่า ไม่เชื่อหลวงอาไปเปิดพระไตรปิฎก ก็ไปเลย เปิด เออ…จริงว่ะ! เอ็งพูดถูกว่ะ เอาได้ข้อละ พอถามสวรรค์ แหม…พอพูดสวรรค์ เด็กปรื้ดเลย…พูดคล่อง

ทีนี้มหาทำท่าจะกราบเด็ก เด็กก็บอกว่า มหากราบพระพุทธรูปแทนก็แล้วกัน เดี๋ยวนี้มันกลับตาลปัตรกันแล้ว ก็ยังโชคดีสำนึกได้แล้วก็กลับตัวใหม่”

หลวงพ่อ:- “ความจริงก็ต้องว่าเลวมาก เรียนตั้ง ๗ ประโยค แต่เสือกคัดค้านพระไตรปิฎก”

.
หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๙ หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

เรื่องนี้ถูกเขียนใน หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม และติดป้ายกำกับ คั่นหน้า ลิงก์ถาวร

หนึ่งความเห็นตอบกลับที่ ดวงจิตจริงมีดวงเดียว

  1. นมัสการหลวงพ่อครับ ผมเคยบวชพระและไปปาริวาสกรรมที่วัดปางสวนผึ้งที่เชียงใหม่และมีการเททองหล่อพระด้วย ในตอนนั้นผมก็อยู่ในพิธีด้วยตอนที่กำลังทำพิธีก็ส่งสายสินมาถึงที่ผมนั่งอยู่พอจับสายสินเหมือนมีพลังเหมือนไฟดูดหนักหัวตื้อไปหมดมันคืออะไรและมันเป็นเกิดจากอะไรครับ ตอนนี้ผมสึกมานานแล้วและทำงานอยู่ต่างประเทศและสนใจเกี่ยวกับการทำสมาธิและกำลังเริ่มศึกษาและปฏิบัติอยู่จากเวปไซด์ของที่นี่นั่นแหละครับ

ความเห็นถูกปิด