ผู้ถาม :- “ดีค่ะ…แต่ได้ยินเขาว่า ถ้าสร้างพระพุทธรูปนี่ควรสร้างพระประธานจึงมีบุญมาก”
หลวงพ่อ :- “ก็เขียนไว้ซิ สร้างพระประธาน องค์เล็กองค์ใหญ่ก็เขียนไว้ ก็เป็นพระพุทธรูปเหมือนกัน เราสร้างก็ได้บุญแล้ว ใครไปโยนทิ้งก็ซวยเอง”
ผู้ถาม :- ถ้าหากว่าจะย้ายพระประธาน ไปบูชาเป็นพระประธานวัดอื่น จะได้ไหมคะ…?”
หลวงพ่อ :- “เรื่องของบูชาสำหรับที่วัดนี่ ถือว่าเขาถวายมาเพื่อบูชา ตั้งอยู่ที่ใดก็ตาม ถ้าพระย้ายไปที่อื่นนอกเขต ถือว่าย้ายเจดีย์ ทางวินัยท่านปรับอาบัติ และถ้าของนั้นเขาถวายสงฆ์ เขามีเจตนาเฉพาะจุดนั้น ถ้าเราเอาไป ถือว่าขโมยของสงฆ์ อันดับแรกเขาลงบัญชีอเวจีไว้ก่อน ของสงฆ์นี่แม้แต่เศษกระเบื้อง ถ้านำไปก็ลงบัญชีอเวจีเลย”
ผู้ถาม :- “หลวงพ่อเจ้าคะ การสร้างพระพุทธรูป ทำด้วยโลหะกับทำด้วยปูน อย่างไหนจะดีกว่ากันเจ้าคะ…?”
หลวงพ่อ :- “ถ้าเป็นเจตนาของฉันนะ ชอบให้ทำด้วยปูนมากกว่า ปั้นด้วยปูนแล้วปิดทอง เพราะอะไรรู้ไหม…เพราะพระปูนไม่มีใครขโมย พระโลหะเผลอหน่อยเดียว คนตัดเศียรแล้ว ดีไม่ดีเอาไปทั้งองค์ ฉะนั้นปูนดีกว่า มีอานิสงส์เท่ากัน ราคาถูกกว่า ทนทาน และรักษาง่ายกว่า”
หลวงพ่อ :- “การสร้างพระพุทธรูปนี่เป็นพุทธบูชา เป็นพุทธานุสสติในกรรมฐาน ๔๐ กอง ท่านบอกว่ากำลังพุทธานุสสติ เป็นเหตุให้เข้าถึงนิพพานได้ง่ายที่สุด ง่ายกว่ากองอื่น ก็เห็นจะจริง เพราะว่าพระพุทธเจ้าท่านอยู่นิพพานนี่ และท่านก็เป็นต้นตระกูลของพระนิพพาน ใช่ไหม…
ทีนี้ถ้าเราต้องการสร้างให้สวยตามที่เราชอบ เห็นแล้วก็ทำให้จิตใจสดชื่น จิตมันก็นึกถึงพระอยู่เสมอ ถ้าจิตนึกถึงพระพุทธรูปองค์นั้นอยู่เสมอ ก็จัดเป็น พุทธานุสสติกรรมฐาน ถ้าใจเราเกาะพระพุทธเจ้าเป็นปกติ ตายแล้วลงนรกไม่เป็น ฉะนั้นถ้าหากโยมเห็นว่าพระที่ทำด้วยโลหะสวยกว่า ชอบมากกว่า โยมก็สร้างแบบนั้น”
ผู้ถาม :- “หลวงพ่อคะ ถ้าหากว่าเราเดินไปเช่าตามร้าน กับการจ้างเขาหล่อให้แล้วเททองเอง อานิสงส์จะได้เท่ากันไหมคะ…?”
หลวงพ่อ :- “กุศลน้อยกว่าที่เขาทำสำเร็จแล้ว เพราะว่าเราต้องเหน็ดเหนื่อย ดีไม่ดีหัวเสีย ที่เขาทำเสร็จแล้วนะ เราก็เลือกดูเอาตามชอบใจ ใช่ไหมล่ะ วิธีการแบบนั้น ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรเลยนี่ ร้อนก็ร้อน เหนื่อยก็เหนื่อย บางทีไอ้ตัวร้อนตัวเหนื่อยนี่มันตัดเลย
ทำบุญทุกอย่าง ทำให้จิตสบาย กายสบาย อันนี้ถือว่ามีผลสูง ถวายสังฆทานนี่มีค่าสูงมาก การที่นิมนต์พระมาเลี้ยงข้าวที่บ้าน ๔-๕ องค์ อานิสงส์เป็นสังฆทานเหมือนกัน แต่ดีไม่ดีมันน้อยกว่าอย่างนี้ เพราะยุ่งกว่า ดีไม่ดีคนแกงบ้าง คนต้มบ้าง เราไม่ชอบใจก็โมโห ไอ้ตัวโมโหนี่แหละมันตัด ใช่ไหม…?”
ผู้ถาม :- “หลวงพ่อคะ ถ้าเรามีพระบูชา เราควรจะหันหน้าไปทางทิศไหนคะ…?”
หลวงพ่อ :- “พระบูชาที่นิยมกัน เขาหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ถ้าหันไปทางทิศใต้กับทิศตะวันตก สตางค์ไม่เหลือใช้ ลองดูก็ได้”
ผู้ถาม :- “เป็นเพราะเหตุใดคะ…?”
หลวงพ่อ :- “อันนี้ฉันไม่รู้ละ รู้แต่ว่าสมัยหลวงพ่อปาน ถ้าลูกศิษย์ท่านหันหน้าพระพุทธไปทางทิศตะวันตกหรือทิศใต้ ท่านบอกว่าควรหันไปทางทิศตะวันออกหรือทิศเหนือ”
ผู้ถาม :- “แล้วอย่างพระพุทธรูปที่บอกว่ายังไม่ เบิกพระเนตร หมายความว่าอย่างไรคะ…?”
หลวงพ่อ :- “ถ้ายังไม่เบิกพระเนตร แสดงว่ายังไม่มีลูกตา พระองค์ไหนมีลูกตาแล้ว พระองค์นั้นเบิกพระเนตรแล้ว ใช่ไหม…?”
(ผู้ถามหัวเราะ)
หลวงพ่อ :- “ฉันว่ามันเป็นพิธีสมัยก่อนโน้นละมั้ง คือเขาปั้นพระพุทธรูปแล้ว ยังไม่ได้ทำลูกตา เลยหาช่างมาทำลูกตามากกว่า เวลานี้ก็เลยเอาวิธีการนั้น พระที่วัดฉันไม่ต้องเบิกเนตร เห็นท่านมีตาทุกองค์ ใครเขาถามว่าเบิกพระเนตรหรือยัง…ฉันไม่ทำละ มีแล้วนี่…ควรจะเบิกเนตรเราให้ดีเท่าเนตรท่านดีกว่า ใช่ไหม…?”
ผู้ถาม :- “แล้วถ้าหากว่าเรามีพระพุทธรูป แต่พระเนตรท่านปิด อย่างนี้ต้องเบิกพระเนตรไหมคะ…?”
หลวงพ่อ :- “เอาละซิ ขืนไปเบิกเข้า ตาท่านฉีกแน่ บาป ต่อไปชาติหน้า ตาเหลือก”
ผู้ถาม :- (หัวเราะ) “คือท่านหลับตานั่งสมาธิค่ะ”
หลวงพ่อ :- “เขาทำหลับตาก็ปล่อยให้หลับตา ทำสมาธิก็ต้องหลับตาใช่ไหม…?”
ผู้ถาม :- “หลวงพ่อครับ การถวายพระพุทธรูปองค์เล็กๆ กับถวายพระประธานองค์ใหญ่ๆ พระประธานในโบสถ์น่ะครับ จะมีอานิสงส์เหมือนกันหรือเปล่าครับ…?”
หลวงพ่อ :- “เหมือนกัน คือเขียนเหมือนกัน เขียนว่า อานิสงส์ ถวายพระพุทธรูป…แต่ว่าเราไปเทียบกันไม่ได้นะ สุดแล้วแต่กำลังใจ ถ้าคนที่เขามีฐานะน้อยเขามีเงินจริงๆ แค่สร้างพระพุทธรูปขนาด ๓ นิ้ว ทำด้วยปูนปลาสเตอร์ แต่ว่ากำลังใจเขามั่นคง ฐานะมันแค่นั้น ก็มีอานิสงส์สูง ถือว่าเขาทำดีที่สุดของฐานะอยู่แล้วใช่ไหม…
สร้างพระประธานในโบสถ์ อานิสงส์ก็คือสร้างพระพุทธรูป ถ้าหากว่าเจ้าของคิดว่าสร้างเพื่ออวดชาวบ้าน ก็สู้สร้างองค์เล็กๆ ไม่ได้ เพราะคิดด้วยจิตบริสุทธิ์”
ผู้ถาม :- “แล้วถวายพระประธานเพื่อแก้บนเล่าครับ คือว่าลูกชายง่องๆ แง่งๆ ใจไม่ค่อยดี ก็คิดว่าถ้าหากลูกชายแข็งแรงดี จะถวายพระประธานประจำอุโบสถสักองค์หนึ่ง จะแตกต่างกับถวายพระประธานเนื่องในการไม่แก้บนไหมครับ…?”
หลวงพ่อ :- “ต้องดูเจตนาก่อน เราแก้บน แต่ตั้งเจตนาให้ถูกนะ ถือว่าสร้างพระพุทธรูปไว้ในพระพุทธศาสนา เพื่อสักการะของคนและพระ มันจะมีอานิสงส์เหมือนกัน แต่ถ้าคิดว่านี่เพราะลูกเราไม่ตาย เพราะการถวายพระพุทธรูปอย่างนี้ อานิสงส์น้อยมาก เพราะเรามีการแลกเปลี่ยน
เราบนก็จริงแหล่ แต่คิดว่าการสร้างพระพุทธรูปนี่ สร้างไว้เป็นที่สักการะของคนและพระเณร ก็ถือว่าเราสร้างไว้ในพระพุทธศาสนา ไม่ถือเป็นการแลกเปลี่ยน ถ้าคิดว่าการแก้บน มันเป็นการแลกเปลี่ยน แต่ว่าเราบนไว้จริง แต่ว่าเจตนาเราตั้งไว้อีกหน่อยหนึ่ง”
ผู้ถาม :- “เรื่องพระประธานผ่านไป ทีนี้เรื่องพระแตก มีบางคนเขาบอกว่า ห้อยพระที่แตกหรือหัก ลูกเมียจะทะเลาะกัน พระศุกร์จะเข้าพระเสาร์จะแทรก บางคนถึงขนาดเอาเศียรพระหักๆแตกๆ ไปไว้ตามต้นโพธิ์ ตามวัด ความจริงเป็นยังไงครับหลวงพ่อ…?”
หลวงพ่อ :- “ถ้าจะให้แน่ คุณก็ลองห้อยดูก่อน ใครได้พระสมเด็จแตกๆ มาให้ฉันทีเหอะ ฉันเอาหมด…ความจริงมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นหรอก มันจะด่ากันเองน่ะ เลยไปโทษพระใช่ไหม…
แต่ว่าที่เห็นเขาถือกัน ก็คือพระพุทธรูป ถ้าชำรุด เขาไม่บูชาไว้ที่บ้าน อันนี้ไม่มีตำรา อาจจะมีประสบการณ์ก็ได้นะ แต่พวกที่โบราณเขาเขียนบอกไว้ ต้องระวังหน่อย บางทีมีประสบการณ์ แต่หาเหตุมาไม่ได้ ก็ต้องเชื่อเหมือนกัน
อย่างสมัยหลวงพ่อปาน ถ้าลูกศิษย์ท่านหันหน้าพระพุทธไปทางทิศตะวันตกหรือทิศใต้ อันนี้ไม่มีเรื่องทะเลาะกัน แต่สตางค์ไม่เหลือใช้ ท่านบอกว่าควรหันไปทางทิศตะวันออกหรือทิศเหนือ ทีนี้หากเราเห็นว่าชำรุด เราตกแต่งให้ดีก็คงจะดีมั้ง”
ผู้ถาม :- “หลวงพ่อขอรับ ได้ทราบข่าวว่าหลวงพ่อจะสร้างแท่นพระ สำหรับพระพุทธรูปข้างพระอุโบสถวัดท่าซุงนั้น อยากจะทราบว่าการสร้างแท่นพระมีอานิสงส์อย่างไรขอรับ…?”
หลวงพ่อ :- “สร้างแท่นก็เหมือนกับสร้างพระพุทธรูป คือแท่นพระพุทธรูปเขาบกพร่องอยู่ เราทำให้เต็ม อย่างนางวิสาขาหรือพระสิวลี อานิสงส์ไม่ใช่เล็กน้อยนะ อานิสงส์ใหญ่มาก คนจะรวยแล้วนะ วาสนาบารมีจะสูง สร้างแท่นพระ หนุนพระให้สูงน่ะ แล้วพระพุทธเจ้าด้วยนะ เราฐานะก็จะดีขึ้น”
ผู้ถาม :- “ดิฉันและน้องๆ ได้สร้างพระพุทธรูปปิดทองฝังเพชร ขนาด ๓๐ นิ้ว ถวายเป็นพุทธบูชา ไปไว้ที่วัดท่าซุง พอถวายแล้ว หลวงพ่อให้พรว่า “ขอให้รวยทุกคน รวยเท่าพระพุทธเจ้านะลูก” กราบเรียนถามหลวงพ่อว่า รวยเท่าพระพุทธเจ้าเขารวยแบบไหนเจ้าคะ…?”
หลวงพ่อ :- “จะเอาแบบไหนล่ะ จะเอาแบบทรัพย์มาก หรือจะเอาแบบกิเลสหมด…?”
ผู้ถาม :- “ตอนนี้เอาทรัพย์ก่อนก็แล้วกันค่ะ เพราะเศรษฐกิจไม่ค่อยดี”
หลวงพ่อ :- “พระพุทธเจ้านี่รวยมากเพราะกิเลสหมดนะ คือว่าพระพุทธเจ้าใครบอกไม่มีทรัพย์สินน่ะไม่ถูกหรอก ที่นั่งอยู่ที่นี่ ทรัพย์ที่นำมาให้ เป็นของพระพุทธเจ้าทั้งหมดนะ ฉันไม่คิดว่าเป็นของฉัน พระพุทธเจ้าเสด็จไปที่ไหนไม่เคยจน อย่างวิหารของนางวิสาขาเขาสร้างราคาเท่าไร ก็รวมความว่าพระพุทธเจ้ามีทรัพย์สินมากราคาเป็นล้านๆ โกฏิ เอารวยแบบนั้นก็แล้วกันนะ…”