
โดยหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง
ผู้ถาม:- “ทำกรรมอะไรถึงลง อเวจี คะ…?”
หลวงพ่อ:- “อเวจีนี่ทำกรรมหนักมากมันจึงจะลง ก็มี อนันตริยกรรม อาจิณกรรม ขโมยของสงฆ์ ของสงฆ์นี่แตะนิดเดียว ลงอเวจีเลยนะ แม้แต่เศษเล็กๆ”
เรื่อง อนันตริยกรรม เช่น ฆ่าพ่อแม่ ฆ่าพระอรหันต์ ยุให้สงฆ์แตกกัน เป็นต้น พระยายมมาบอกหลวงพ่อว่า “ทุกคนอย่าได้ทำเด็ดขาด ท่านช่วยไม่ได้เลย”
ส่วน อาจิณกรรม เช่น แม่ครัวทุบหัวปลาแกงเป็นประจำ เป็นต้น
สำหรับ ขโมยของสงฆ์ หลวงพ่อได้ยกตัวอย่างให้ฟังดังนี้
“มีญาติพระเจ้าพิมพิสาร เป็นทายก ในตอนต้นก็ดี ซื่อตรงต่อการบุญการกุศล แต่มาตอนกลางๆ มือถึงท้ายมือไม่ค่อยดี เริ่มหยิบแล้ว ทีแรกก็เป็นทายก ต่อมาก็เลยเป็นทายัก ของอะไรดีๆ ก็ยักเอาไปเสียบ้าง เอาไว้ให้ลูกให้เมีย เอาไว้เป็นประโยชน์ส่วนตนเสียบ้าง ของที่เขาจะถวายสงฆ์ เขาตั้งใจจะทำอาหารถวายสงฆ์ เนื้อดีๆ ก็ยักเอาไว้บ้าง แกงดีๆ ก็ยักเอาไว้บ้าง บางทีไม่ยักของสด ไอ้ของที่สำเร็จรูปที่เขาไม่ทันจะถวายพระ ก็ยักเอาไว้เสียบ้าง
ญาติของพระเจ้าพิมพิสารเป็นทายักแบบนี้ ตายแล้วลงนรก สิ้นระยะเวลา ๑ กัป พ้นจากนั้นแล้ว ก็มาตกยมโลกียนรก คือผ่านนรกบริวาร ๔ ขุม แล้วก็มาตกยมโลกีนรกตามลำดับ มาเป็นเปรต ๑๑ จำพวก สุดท้ายก็เป็นเปรตพวกที่ ๑๒ สมัยพระพุทธเจ้าของเรานี่
และอีกเรื่องหนึ่ง กากะเปรต สมัยที่เกิดเป็นกา แย่งข้าวในขันที่เขานำไปจะถวายพระ ข้าวสุกนั้นเขานำไปยังไม่ถึงพระ ยังไม่ใช่ของสงฆ์ จะถือว่าเป็นของชาวบ้านก็ไม่ได้ เพราะเขาตั้งใจถวายสงฆ์แล้ว กรรมเล็กน้อยเพียงเท่านี้ ตายไปแล้วไปลงอเวจี แล้วแถมมาเกิดเป็นเปรต”