ปัญหาการปฏิบัติพระกรรมฐาน(๘)

หลวงพ่อฤๅษี ตอบปัญหาการปฏิบัติพระกรรมฐาน

ผู้ถาม:- “หลวงพ่อคะ ไม่ทราบว่าหนูพอจะสร้างบารมีไหวไหมคะ…?”

หลวงพ่อ:- “บารมี เขาแปลว่า กำลังใจ หนู ก็พยายามกระตุ้น ๆ มัน อารมณ์ของเรามันมี ๒ อารมณ์ อารมณ์ที่เป็นกุศลอย่างหนึ่ง อารมณ์ที่เป็นอกุศลอย่างหนึ่ง

คำว่า กุศลนี่เขาแปลว่าฉลาด อกุศลแปลว่าไม่ฉลาด ที่ไม่ฉลาดก็เพราะสร้างอารมณ์ที่มีความเร่าร้อนเกิดขึ้น นี่เรียกว่าอารมณ์ไม่ฉลาด ทีนี้อารมณ์ที่ไม่ฉลาดมันมีกำลังมาก มันคุมกำลังใจเราไว้มากมานานแล้ว เราก็ก็ต้องแพ้มันบ้างชนะมันบ้าง นี่เราพยายามค่อย ๆ คุมมันจนกว่ามันจะแพ้

อย่าลืมนะ บารมีแปลว่ากำลังใจ ทำกำลังใจให้เต็มในด้านของความดี

๑.ทานบารมี เราคิดจะสงเคราะห์คนและสัตว์อื่นแทนที่จะคิดเบียดเบียน

๒.ศีลบารมี มีศีลนี่เขาแปลว่าปกติ เราต้องรักษาอารมณ์ไว้อย่าให้มันผิดปกตินะ ปกติของคนและสัตว์มีความรู้สึกว่า

ข้อ ๑ ร่างกายของเรา เราไม่ต้องการให้ใครมาทำร้ายร่างกาย ไม่ต้องการให้ใครมาฆ่า เรามีความคิดอย่างไร สัตว์อื่นและบุคคลอื่นก็มีความคิดเหมือนเรา เราก็เว้น

ข้อ ๒ ทรัพย์สินของเรามีอยู่ เราไม่ต้องการให้ใครมาลักมาขโมยยื้อแย่งของเราไป เรามีความคิดเห็นเช่นไร คนอื่นเขาก็มีความคิดเห็นเหมือนเรา เราก็เว้น

ข้อ ๓ คนรัก เราไม่ต้องการให้ใครมาแย่งคนรักฉันใด คนอื่นเขาก็ไม่ต้องการให้แย่งคนรักเหมือนกัน

ข้อ ๔ วาจาที่เรารับฟังต้องการความจริง คนอื่นเขาก็ต้องการความจริงเหมือนกัน

ข้อ ๕ เราไม่ต้องการเป็นคนบ้า ชาวบ้านเขาก็ไม่ต้องการให้เราบ้า

ก็รวมความว่า อาการทั้ง ๕ อย่างนี้ คือ การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม มุสาวาท ดื่มสุราเมรัย ต้องไม่มีสำหรับเรา ถ้าเราพลาดไปข้อใดข้อหนึ่ง แสดงว่าเราผิดปกติ ใช่ไหม…

ถ้าจะสร้าง บารมีที่ ๓ คือ เนกขัมมะบารมี

ต้องแยกออกเป็น ๔ คือ เนกขัมมะบารมีของศีล ๕ เนกขัมมะบารมีของศีล ๘ เนกขัมมะบารมีของศีล ๒๒๗ แล้วก็เนกขัมมะบารมีของพระอริยเจ้า ข้อหลังนี่ฉันตั้งเอง อ้าว…ไม่งั้นเนกขัมมะบารมีเขาแปลว่าถือบวช ก็เจ๊งหมด ชาวบ้านรักษาไม่ได้

เนกขัมมะบารมีของศีล ๕ ก็คือ เราไม่สนใจกับรูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสระหว่างเพศซึ่งไม่เนื่องกับเรา คู่ครองของใครก็ไม่ไปยื้อแย่งใคร

เนกขัมมะบารมีของศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ นี่ต้องพยายามระงับอาการ ๕ อย่าง ให้มันครบถ้วน นั่นก็คือว่า

๑.กามฉันทะ อารมณ์ต้องไม่ข้องในรูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสระหว่างเพศ แต่ไม่ใช่ตัดเลย เนกขัมมะบารมีนี่สำหรับเรื่องศีลเราแค่ยับยั้ง
๒.เราจะต้องพยายามระงับความโกรธ ความพยาบาท ในบางขณะ มันไม่ใช่ทุกขณะนะ
๓.ระงับความง่วงขณะทำความดี
๔.จะไม่ยอมให้จิตฟุ้งซ่านไปนอกอารมณ์ที่เราต้องการ คือเป็นด้านอารมณ์ของความดี
๕.จะไม่สงสัยในผลปฏิบัติที่ความดีเกิดขึ้น คือผลของความดีที่เกิดจากการปฏิบัติเราจะไม่สงสัย

ขณะที่เรารวบรวมกำลังใจให้จิตทรงตัวในด้านของความดี จะต้องป้องกันในเหตุ ๕ ประการ ไม่ให้เข้ามายุ่งกับจิต นี่ก็ต้องถือเป็นบางเวลานะ

สำหรับเนกขัมมะบารมีของพระอริยเจ้า ต้องทำลายให้มันพังไปเลย

๑.กามฉันทะ ต้องไม่มีในจิต คิดฆ่าตลอดเวลา
๒.ความโกรธ ความพยาบาท ต้องไม่ให้มันมีเหมือนกัน ต้องพยายามฆ่ามันเรื่อย จนหมด
๓.ไม่ยอมให้ความง่วงเข้ามาครอบงำ ในขณะปฏิบิตความดี
๔.จะไม่ยอมให้จิตฟุ้งซ่านไปนอกอารมณ์ดีที่เราตั้งไว้คือ นิพพาน
๕.จะไม่สงสัยในผลปฏิบัติที่ความดี

ถ้าหากว่าสามารถฆ่านิวรณ์ ๕ ประการนี้ได้เมื่อไร เป็นอรหันต์ได้เมื่อนั้น ต้องฆ่าทีละตัวสองตัวนะ ฆ่าทีเดียวหมดพระพุทธเจ้าอาย ใช่ไหม…

อันดับแรกแค่ระงับยับยั้งก่อนนะ ต้องยั้งเป็นเวลาก่อน จะคิดฆ่ามันทีเดียวหมดมันไม่ได้ ถ้าฆ่าทีเดียวหมดได้ก็ดี ยิ่งดี แต่ว่ามันเป็นไปได้ยาก”

.
หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๒ หน้า ๖๔-๖๗ (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)

โพสท์ใน หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม | ติดป้ายกำกับ , | ปิดความเห็น บน ปัญหาการปฏิบัติพระกรรมฐาน(๘)

วิตกจริตและโมหะจริต-จริต ๖ ชุดทูลถวาย

วิตกจริตและโมหะจริต-จริต ๖ ชุดทูลถวาย
โดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)

      สำหรับตอนนี้ อาตมาขอถวายพระพรพระมหาบพิตร ในเรื่อง วิตกจริต กับ โมหะจริต สำหรับวิตกจริตและโมหะจริตทั้ง ๒ ประการนี้ องค์สมเด็จพระชินสีห์ทรงแนะนำให้ใช้กรรมฐานข้อเดียวกัน เป็นเครื่องระงับความฟุ้งซ่าน และความไม่แน่นอนของจิต

สำหรับพระกรรมฐานที่องค์สมเด็จพระพิชิตมาร ทรงประทานให้เป็นเครื่องระงับหรือคู่ปรับกับกรรมฐานคู่นี้ หรืออารมณ์แห่งวิตกจริตและโมหะจริต ก็ได้แก่ อานาปานุสสติกรรมฐาน

ตอนนี้อาตมาจะขอถวายพระพรในลักษณะของวิตกจริตและโมหะจริตก่อน

สำหรับ วิตก แปลว่า ตรึก นึก คิด ไม่ตกลงใจ มีอารมณ์ที่มีความไม่แน่นอนใจ สำหรับโมหะจริตก็มีความหลงเป็นปกติ คนที่มีวิตกจริตกับโมหะจริตทั้ง ๒ ประการนี้ มีอาการคล้ายคลึงกัน ทั้งนี้ก็เพราะว่าเป็นคนที่ตัดสินใจไม่ตกลง มีอารมณ์คิดอยู่เสมอ หาความแน่นอนอะไรไม่ได้ และไม่แน่นอนว่าจะควรตัดสินใจเป็นประการใด ถ้ามีใครมาบอกเหตุสำคัญหรือไม่สำคัญ ผลประโยชน์ที่จะพึงได้หรือไม่ได้ ความไม่แน่ใจก็เกิดขึ้นแก่บุคคลประเภทนี้

ลักษณะที่จะเห็นง่ายๆ คนที่มีวิตกจริตเป็นคนที่มีอารมณ์ซึม ไม่ค่อยมีการกระปรี้กระเปร่า ไม่กล้าตัดสินใจที่มีความสำคัญใดๆ ถ้ามีเรื่องอื่นที่จะพึงเกิดขึ้น เป็นเรื่องราวที่ต้องรับผิดชอบเกิดขึ้น มักจะชอบโยนกลองให้แก่บุคคลอื่นเป็นผู้รับผิดชอบ เป็นเรื่องใหญ่ ทั้งนี้เพราะหากำลังใจที่ตัดสินใจแน่นอนไม่ได้

สำหรับท่านที่มีโมหะจริต โมหะแปลว่าความหลง ท่านประเภทนี้ก็มีอารมณ์คิดมากเหมือนกัน คิดอยู่เสมอว่า นั่นเป็นเรา นี่เป็นของเรา โน่นเป็นของเรา ทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่ของเล็กของน้อย ก็มีความหวงแหนเป็นปกติ มีความหลงในทรัพย์สิน ความหลงในชีวิต คิดอยู่เสมอว่าตัวจะไม่ตาย และมีความคิดอยู่เสมอว่า ทรัพย์สินทั้งหลายของเราที่หามาได้ด้วยความเหนื่อยยาก เราจะไม่ยอมแบ่งปันให้ใคร จะกอบโกยไว้บำรุงความสุขฝ่ายตนแต่ผู้เดียว

อ่านเพิ่มเติม

โพสท์ใน จริต ๖ | ติดป้ายกำกับ , , | ปิดความเห็น บน วิตกจริตและโมหะจริต-จริต ๖ ชุดทูลถวาย

ขอเชิญร่วมทำบุญซ่อมสมเด็จพระพุทธกัสสป

      สมเด็จพระพุทธกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า(หน้าตัก ๘ ศอก) ศูนย์พุทธศรัทธา ขณะนี้ผิวบางส่วนชำรุด จะซ่อมแซมและทาสีใหม่ เพื่อถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลมหาราช ในศุภวาระมหามงคล วันเฉลิมพระชนมพรรษาครบรอบ ๘๔ พรรษา

ท่านที่มีจิตศรัทธาจะร่วมทำบุญ สามารถร่วมบุญได้ตามกำลังศรัทธาโดย :

กิจกรรมนี้ปิดรับการร่วมบุญแล้ว

อ่านเพิ่มเติม

โพสท์ใน กิจกรรม ๒๕๕๔ | ติดป้ายกำกับ , | 28 ความเห็น

ภาพงานบวชวันแม่ ๑๒-๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๔

        เมื่อวันที่ ๑๒-๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๔ ที่ผ่านมา ศูนย์พุทธศรัทธาได้จัดงานบวชเนกขัมมะบารมี ครั้งที่ ๗๓ ถวายเป็นพุทธบูชาและถวายพระราชกุศลเนื่องในวันแม่แห่งชาติ ขอนำภาพบางส่วนของงาน มาให้ทุกๆ ท่านได้ร่วมกันอนุโมทนาครับ

อ่านเพิ่มเติม

โพสท์ใน กิจกรรม ๒๕๕๔ | ติดป้ายกำกับ , , | 2 ความเห็น

ปัญหาการปฏิบัติพระกรรมฐาน(๗)

หลวงพ่อฤๅษี ตอบปัญหาการปฏิบัติพระกรรมฐาน

ผู้ถาม:- “เมื่อจิตสงบแล้วเป็นเอกัคคตารมณ์ เราจะพิจารณาตอนนี้ หรือว่าต้องถอนจิตมาพิจารณาครับ?”

หลวงพ่อ:- “ไม่ต้องถึงอย่างนั้นหรอกโยม เรื่องพิจารณานี่เราจะเริ่มตั้งแต่ตอนต้นได้เลย คือว่าวิธีปฏิบัติเพื่อมรรคผลจริงๆ เขาทำกันแบบนี้นะ คือว่าในตอนนั้นหรือจุดเริ่มต้นน่ะ เราพอใจในอะไร ถ้ามันกระสับกระส่ายก็ใช้อานาปาเข้าควบคุมให้จิตสงบเสียก่อน เมื่อจิตสงบดีแล้ว ก็ถอยมาสู่อุปจารสมาธิมาพิจารณาขันธ์ ๕ ไม่ใช่พิจารณาเฉยๆ ต้องเอาสังโยชน์เข้ามาคุมเป็นพื้นฐานด้วยว่า เราจะตัดจุดไหนกันแน่ พอพิจารณาไปอารมณ์มันจะซ่านออก พอซ่านออกต้องทิ้งการพิจารณาเสีย แล้วมาจับอานาปาใหม่ ให้จิตทรงตัวดีแล้วมีอารมณ์เป็นสุข จิตมันทรงตัวดีก็ไปพิจารณาใหม่ สลับกันไปสลับกันมาแบบนี้นะ นี่เป็นวิธีปฏิบัติเพื่อมรรคผลจริงๆ

บางท่านก็พิจารณาได้ดี พอเริ่มต้นพิจารณาอยู่ในขอบเขตได้ดี ตัวพิจารณานี่เป็นตัวตัดกิเลสตรง ถ้าหากว่าใครพิจารณาได้ตลอด โดยไม่ภาวนาเลยยิ่งดีใหญ่ เพราะการพิจารณานี่เป็นตัวปัญญา เป็นตัวตัด อารมณ์ทรงมีจิตเป็นสุข พิจารณาเฉยๆ สบายๆ จนกระทั่งตัดกังวลทั้งหมด กังวลที่ตัด ก็คือร่างกายของเรา เรียกว่าขันธ์ ๕ ถ้าเราตัดตัวเราได้ ก็ตัดคนอื่นได้ ใช่ไหม…ดีไม่ดี เราตัดคนอื่นได้ แต่เราตัดตัวเราไม่ได้ เพราะยังเกาะ

ฉะนั้นคำสอนของพระพุทธเจ้า ท่านให้ตัดจุดเดียว คือ สักกายทิฏฐิ ใน สังโยชน์ ๑๐ น่ะ ตัดสักกายทิฏฐิจุดเดียว ถ้าอารมณ์มันเบาลงไปหน่อยก็เป็นพระโสดาบัน เบามากไปอีกนิดก็เป็นสกิทาคามี เบามากขึ้นไปก็เป็นพระอนาคามี ตัดได้หมดเป็นพระอรหันต์”

ผู้ถาม:- “ถ้าผู้ฝึกมโนมยิทธิแล้ว จะทำให้เป็นพระอรหันต์ได้เร็วไหมครับ…?”

หลวงพ่อ:- “ความจริงพวกที่ได้มโนมยิทธินี่ตัดง่าย เป็นกำไร เพราะว่าพวกที่ได้ทิพจักขุญาณอย่างหนึ่ง และพวกที่ได้มโนมยิทธิอย่างหนึ่ง ท่านมีขอบเขต ท่านบอกว่าคนพวกนี้
ถ้ามีบารมีแก่กล้า ก็จะเป็นอรหันต์ภายใน ๗ วัน
ถ้ามีบารมีอย่างกลาง จะเป็นอรหันต์ภายใน ๗ เดือน
ถ้ามีบารมีอ่อน จะเป็นอรหันต์ภายใน ๗ ปี
ท่านไม่ได้บอกว่าไม่ได้เลย ถ้าอ่อนก็ภายใน ๗ ปี อาจจะเป็น ๑ ปีก็ได้”

.
หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๒ หน้า ๖๒-๖๔ (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)

โพสท์ใน หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม | ติดป้ายกำกับ , | ปิดความเห็น บน ปัญหาการปฏิบัติพระกรรมฐาน(๗)

หลวงพ่อฤาษีฯ สอนอานาปานุสสติกรรมฐาน ๙

หลวงพ่อฤาษีฯ สอนอานาปานุสสติกรรมฐาน
ตอนที่ ๙ พระสกิทาคามีมรรค-ราคะ ๑

      ไอ้ขันธ์ ๕ คือร่างกายของเราก็ดี ของเขาก็ดี ปรกติมันเป็นสุขหรือมันเป็นทุกข์ เราก็จะมองเห็นว่ามันทุกข์ทุกจุด เราจะทรงกายขึ้นมาได้นี่มันทุกข์ทุกวัน ไม่มีจะกินมันก็ทุกข์ กินเข้าไปแล้วมันก็ทุกข์ การหากินมันก็ทุกข์ ความปรารถนาไม่สมหวัง ความป่วยไข้ไม่สบาย อาการพลัดพรากจากสิ่งที่เรารักเราชอบใจ ความตายมันจะเข้ามาถึง มันก็ทุกข์ ใครทุกข์ มันทุกข์หรือเราทุกข์ แต่ความจริงเราไม่ใช่มัน เราทุกข์ ทุกข์เพราะอะไร ทุกข์เพราะเราโง่ โง่ไปยึดถือว่ามันเป็นเรา เป็นของเรา

อ่านเพิ่มเติม

โพสท์ใน หลวงพ่อสอนอานาปานสติ | ติดป้ายกำกับ | ปิดความเห็น บน หลวงพ่อฤาษีฯ สอนอานาปานุสสติกรรมฐาน ๙