วิตกจริตและโมหะจริต-จริต ๖ ชุดทูลถวาย

วิตกจริตและโมหะจริต-จริต ๖ ชุดทูลถวาย
โดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)

      สำหรับตอนนี้ อาตมาขอถวายพระพรพระมหาบพิตร ในเรื่อง วิตกจริต กับ โมหะจริต สำหรับวิตกจริตและโมหะจริตทั้ง ๒ ประการนี้ องค์สมเด็จพระชินสีห์ทรงแนะนำให้ใช้กรรมฐานข้อเดียวกัน เป็นเครื่องระงับความฟุ้งซ่าน และความไม่แน่นอนของจิต

สำหรับพระกรรมฐานที่องค์สมเด็จพระพิชิตมาร ทรงประทานให้เป็นเครื่องระงับหรือคู่ปรับกับกรรมฐานคู่นี้ หรืออารมณ์แห่งวิตกจริตและโมหะจริต ก็ได้แก่ อานาปานุสสติกรรมฐาน

ตอนนี้อาตมาจะขอถวายพระพรในลักษณะของวิตกจริตและโมหะจริตก่อน

สำหรับ วิตก แปลว่า ตรึก นึก คิด ไม่ตกลงใจ มีอารมณ์ที่มีความไม่แน่นอนใจ สำหรับโมหะจริตก็มีความหลงเป็นปกติ คนที่มีวิตกจริตกับโมหะจริตทั้ง ๒ ประการนี้ มีอาการคล้ายคลึงกัน ทั้งนี้ก็เพราะว่าเป็นคนที่ตัดสินใจไม่ตกลง มีอารมณ์คิดอยู่เสมอ หาความแน่นอนอะไรไม่ได้ และไม่แน่นอนว่าจะควรตัดสินใจเป็นประการใด ถ้ามีใครมาบอกเหตุสำคัญหรือไม่สำคัญ ผลประโยชน์ที่จะพึงได้หรือไม่ได้ ความไม่แน่ใจก็เกิดขึ้นแก่บุคคลประเภทนี้

ลักษณะที่จะเห็นง่ายๆ คนที่มีวิตกจริตเป็นคนที่มีอารมณ์ซึม ไม่ค่อยมีการกระปรี้กระเปร่า ไม่กล้าตัดสินใจที่มีความสำคัญใดๆ ถ้ามีเรื่องอื่นที่จะพึงเกิดขึ้น เป็นเรื่องราวที่ต้องรับผิดชอบเกิดขึ้น มักจะชอบโยนกลองให้แก่บุคคลอื่นเป็นผู้รับผิดชอบ เป็นเรื่องใหญ่ ทั้งนี้เพราะหากำลังใจที่ตัดสินใจแน่นอนไม่ได้

สำหรับท่านที่มีโมหะจริต โมหะแปลว่าความหลง ท่านประเภทนี้ก็มีอารมณ์คิดมากเหมือนกัน คิดอยู่เสมอว่า นั่นเป็นเรา นี่เป็นของเรา โน่นเป็นของเรา ทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่ของเล็กของน้อย ก็มีความหวงแหนเป็นปกติ มีความหลงในทรัพย์สิน ความหลงในชีวิต คิดอยู่เสมอว่าตัวจะไม่ตาย และมีความคิดอยู่เสมอว่า ทรัพย์สินทั้งหลายของเราที่หามาได้ด้วยความเหนื่อยยาก เราจะไม่ยอมแบ่งปันให้ใคร จะกอบโกยไว้บำรุงความสุขฝ่ายตนแต่ผู้เดียว

อ่านเพิ่มเติม

โพสท์ใน จริต ๖ | ติดป้ายกำกับ , , | ปิดความเห็น บน วิตกจริตและโมหะจริต-จริต ๖ ชุดทูลถวาย

ขอเชิญร่วมทำบุญซ่อมสมเด็จพระพุทธกัสสป

      สมเด็จพระพุทธกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า(หน้าตัก ๘ ศอก) ศูนย์พุทธศรัทธา ขณะนี้ผิวบางส่วนชำรุด จะซ่อมแซมและทาสีใหม่ เพื่อถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลมหาราช ในศุภวาระมหามงคล วันเฉลิมพระชนมพรรษาครบรอบ ๘๔ พรรษา

ท่านที่มีจิตศรัทธาจะร่วมทำบุญ สามารถร่วมบุญได้ตามกำลังศรัทธาโดย :

กิจกรรมนี้ปิดรับการร่วมบุญแล้ว

อ่านเพิ่มเติม

โพสท์ใน กิจกรรม ๒๕๕๔ | ติดป้ายกำกับ , | 28 ความเห็น

ภาพงานบวชวันแม่ ๑๒-๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๔

        เมื่อวันที่ ๑๒-๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๔ ที่ผ่านมา ศูนย์พุทธศรัทธาได้จัดงานบวชเนกขัมมะบารมี ครั้งที่ ๗๓ ถวายเป็นพุทธบูชาและถวายพระราชกุศลเนื่องในวันแม่แห่งชาติ ขอนำภาพบางส่วนของงาน มาให้ทุกๆ ท่านได้ร่วมกันอนุโมทนาครับ

อ่านเพิ่มเติม

โพสท์ใน กิจกรรม ๒๕๕๔ | ติดป้ายกำกับ , , | 2 ความเห็น

ปัญหาการปฏิบัติพระกรรมฐาน(๗)

หลวงพ่อฤๅษี ตอบปัญหาการปฏิบัติพระกรรมฐาน

ผู้ถาม:- “เมื่อจิตสงบแล้วเป็นเอกัคคตารมณ์ เราจะพิจารณาตอนนี้ หรือว่าต้องถอนจิตมาพิจารณาครับ?”

หลวงพ่อ:- “ไม่ต้องถึงอย่างนั้นหรอกโยม เรื่องพิจารณานี่เราจะเริ่มตั้งแต่ตอนต้นได้เลย คือว่าวิธีปฏิบัติเพื่อมรรคผลจริงๆ เขาทำกันแบบนี้นะ คือว่าในตอนนั้นหรือจุดเริ่มต้นน่ะ เราพอใจในอะไร ถ้ามันกระสับกระส่ายก็ใช้อานาปาเข้าควบคุมให้จิตสงบเสียก่อน เมื่อจิตสงบดีแล้ว ก็ถอยมาสู่อุปจารสมาธิมาพิจารณาขันธ์ ๕ ไม่ใช่พิจารณาเฉยๆ ต้องเอาสังโยชน์เข้ามาคุมเป็นพื้นฐานด้วยว่า เราจะตัดจุดไหนกันแน่ พอพิจารณาไปอารมณ์มันจะซ่านออก พอซ่านออกต้องทิ้งการพิจารณาเสีย แล้วมาจับอานาปาใหม่ ให้จิตทรงตัวดีแล้วมีอารมณ์เป็นสุข จิตมันทรงตัวดีก็ไปพิจารณาใหม่ สลับกันไปสลับกันมาแบบนี้นะ นี่เป็นวิธีปฏิบัติเพื่อมรรคผลจริงๆ

บางท่านก็พิจารณาได้ดี พอเริ่มต้นพิจารณาอยู่ในขอบเขตได้ดี ตัวพิจารณานี่เป็นตัวตัดกิเลสตรง ถ้าหากว่าใครพิจารณาได้ตลอด โดยไม่ภาวนาเลยยิ่งดีใหญ่ เพราะการพิจารณานี่เป็นตัวปัญญา เป็นตัวตัด อารมณ์ทรงมีจิตเป็นสุข พิจารณาเฉยๆ สบายๆ จนกระทั่งตัดกังวลทั้งหมด กังวลที่ตัด ก็คือร่างกายของเรา เรียกว่าขันธ์ ๕ ถ้าเราตัดตัวเราได้ ก็ตัดคนอื่นได้ ใช่ไหม…ดีไม่ดี เราตัดคนอื่นได้ แต่เราตัดตัวเราไม่ได้ เพราะยังเกาะ

ฉะนั้นคำสอนของพระพุทธเจ้า ท่านให้ตัดจุดเดียว คือ สักกายทิฏฐิ ใน สังโยชน์ ๑๐ น่ะ ตัดสักกายทิฏฐิจุดเดียว ถ้าอารมณ์มันเบาลงไปหน่อยก็เป็นพระโสดาบัน เบามากไปอีกนิดก็เป็นสกิทาคามี เบามากขึ้นไปก็เป็นพระอนาคามี ตัดได้หมดเป็นพระอรหันต์”

ผู้ถาม:- “ถ้าผู้ฝึกมโนมยิทธิแล้ว จะทำให้เป็นพระอรหันต์ได้เร็วไหมครับ…?”

หลวงพ่อ:- “ความจริงพวกที่ได้มโนมยิทธินี่ตัดง่าย เป็นกำไร เพราะว่าพวกที่ได้ทิพจักขุญาณอย่างหนึ่ง และพวกที่ได้มโนมยิทธิอย่างหนึ่ง ท่านมีขอบเขต ท่านบอกว่าคนพวกนี้
ถ้ามีบารมีแก่กล้า ก็จะเป็นอรหันต์ภายใน ๗ วัน
ถ้ามีบารมีอย่างกลาง จะเป็นอรหันต์ภายใน ๗ เดือน
ถ้ามีบารมีอ่อน จะเป็นอรหันต์ภายใน ๗ ปี
ท่านไม่ได้บอกว่าไม่ได้เลย ถ้าอ่อนก็ภายใน ๗ ปี อาจจะเป็น ๑ ปีก็ได้”

.
หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๒ หน้า ๖๒-๖๔ (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)

โพสท์ใน หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม | ติดป้ายกำกับ , | ปิดความเห็น บน ปัญหาการปฏิบัติพระกรรมฐาน(๗)

หลวงพ่อฤาษีฯ สอนอานาปานุสสติกรรมฐาน ๙

หลวงพ่อฤาษีฯ สอนอานาปานุสสติกรรมฐาน
ตอนที่ ๙ พระสกิทาคามีมรรค-ราคะ ๑

      ไอ้ขันธ์ ๕ คือร่างกายของเราก็ดี ของเขาก็ดี ปรกติมันเป็นสุขหรือมันเป็นทุกข์ เราก็จะมองเห็นว่ามันทุกข์ทุกจุด เราจะทรงกายขึ้นมาได้นี่มันทุกข์ทุกวัน ไม่มีจะกินมันก็ทุกข์ กินเข้าไปแล้วมันก็ทุกข์ การหากินมันก็ทุกข์ ความปรารถนาไม่สมหวัง ความป่วยไข้ไม่สบาย อาการพลัดพรากจากสิ่งที่เรารักเราชอบใจ ความตายมันจะเข้ามาถึง มันก็ทุกข์ ใครทุกข์ มันทุกข์หรือเราทุกข์ แต่ความจริงเราไม่ใช่มัน เราทุกข์ ทุกข์เพราะอะไร ทุกข์เพราะเราโง่ โง่ไปยึดถือว่ามันเป็นเรา เป็นของเรา

อ่านเพิ่มเติม

โพสท์ใน หลวงพ่อสอนอานาปานสติ | ติดป้ายกำกับ | ปิดความเห็น บน หลวงพ่อฤาษีฯ สอนอานาปานุสสติกรรมฐาน ๙

สุดยอดแห่งธรรมชุดที่ ๔ คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

สุดยอดแห่งธรรมชุดที่ ๔
คำสอนสมเด็จองค์ปฐม-ปกิณกะธรรม

สมเด็จองค์ปฐมทรงตรัสสอนปกิณกะธรรมไว้ มีความสำคัญดังนี้

๑.อย่าทิ้งการระลึกนึกถึงอนุสสติ ๑๐ ประการ ให้พิจารณาและใคร่ครวญอยู่เสมอ จักทำให้จิตทรงตัวอยู่ในความดี และมีความมั่นคงในพระนิพพานยิ่งๆ ขึ้นไป (อนุสสติ ๑๐ คือ พุทธา ธัมมา สังฆา สีลา จาคา เทวตา กายคตา มรณา อุปสมา และอานาปา)

อ่านเพิ่มเติม

โพสท์ใน คำสอนสมเด็จองค์ปฐม | ติดป้ายกำกับ | ปิดความเห็น บน สุดยอดแห่งธรรมชุดที่ ๔ คำสอนสมเด็จองค์ปฐม